โลกของเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่หลายๆคนเลือกที่จะเดินทางไปสัมผัส เพราะนอกจากสถานที่เหล่านั้นจะมีชื่อเสียงแล้ว ยังมีวัฒนธรรม ธรรมชาติที่เชิญชวนให้เราอยากไปสัมผัสความแปลกใหม่ที่ไม่สามารถหาได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราสามารถนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาต่อยอดความคิดและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพ สถานที่เหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีผู้คนหลากหลายชาติเดินทางเข้าไปเยี่ยมชม สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมรวมไปถึงการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ ซึ่งการท่องเที่ยวนั้นนอกจากจะส่งผลกระทบทางด้านบวกแล้วยังมีผลกระทบทางด้านลบตามมามากมาย ดังนั้นหากต้องการให้สภาพแวดล้อมยังคงสภาพที่น่าจดจำนี้ไว้ เราทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันรับผิดชอบ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีหลายฝ่ายที่เห็นคุณค่าของทรัพยากรทางการท่องเที่ยวเหล่านั้น จึงได้ก่อให้เกิดนโยบายในการแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งกิจกรรมต่างๆมากมาย ในบทความนี้เราขอนำเสนอการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบของประเทศภูฏาน มาเป็นแบบอย่างในการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่คุณ ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้
ความคิดแรกเริ่มด้านการท่องเที่ยวของประเทศภูฏานที่ทำให้ประเทศนี้ เป็นประเทศที่มีการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืนที่สุดในโลก ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นๆคือ ประเทศภูฏานนั้นไม่ได้มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปจากเดิม หรือเรียกได้ว่ามีการพัฒนาที่ควบคู่ไปกับการรักษาธรรมชาติเอาไว้ให้ยั่งยืน บวกกับที่ประเทศอื่นๆในโลกมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปตามกระแสนิยมกันมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ประเทศภูฏานมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือกลยุทธ์ในการช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมผ่านการท่องเที่ยวนั่นเอง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังประเทศภูฏานทุกคนจะต้องจ่ายภาษีรายวันขณะเยี่ยมชมประเทศ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาลของในช่วงที่เดินทางไป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ $ 200 หรือ $ 250 USD ต่อวัน (เปรียบได้กับการพักโรงแรมหนึ่งคืนในนิวยอร์ก) หรือประมาณ 6,000-7,500 บาทต่อวัน อัตราภาษีนี้จะครอบคลุมค่าที่พัก พาหนะขนส่ง อาหารและมัคคุเทศก์ทั้งหมดในระหว่างการเยี่ยมชม ยกเว้นการอัพเกรดเป็นโรงแรมหรือกิจกรรมเพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากราคาเดิมขึ้นมาอีก โดยจะมีการหัก 30% จากอัตราค่าบริการ เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาชุมชน เช่น การดูแลสุขภาพฟรีสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวรวมถึงโครงการการท่องเที่ยวตามชุมชนสำหรับชาวบ้านที่เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปพักอาศัยได้ (โฮมสเตย์) ระบบการจ่ายภาษีประเภทนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรม และทำให้คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมบริการสามารถรักษามาตรฐานการท่องเที่ยวระดับสูง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศนี้ไว้ได้ว่าจะได้พบกับความสุขผ่านการให้บริการของคนท้องถิ่นอย่างแน่นอน
การแบ่งสัดส่วนของรายได้ไปทำเรื่องงานพัฒนาชุมชนหรือการจัดการทรัพยากรในพื้นที่ อาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการจัดการการท่องเที่ยวในทุกระดับตั้งแต่ระดับบุคคล องค์กร ชุมชน จังหวัด ภูมิภาครวมไปถึงระดับประเทศอย่างภูฏานได้เลย
RT Spirit - เขียนโดย Jan Maechee
Nitchakamon Intarasuwan
The intern from Siam University x SiamRise Travel